แผนลงมาปกครองโลก
สำหรับเหตุการณ์บนอาณาจักรสวรรค์นั้น เมื่อ อมาเทราสี ผู้ปกครองสวรค์รู้สึกว่าจำนวนของเหล่าเทพและเทพีทวีคูณขึ้นเป็นจำนวนมากจนเริ่มแออัด อีกทั้งยังมีพวกที่เหิมเกริ่มและพวกชั่วร้ายซึ่งมักก่อความวุ่นวายขึ้นเป็นประจำ จึงต้องการขยับขยายให้เหล่าเทพและเทพีกระจายลงไปอยู่บนพื้นโลก อมาเทราสึ เทพธิดาแห่งดวงอาทิตย์บ้างด้วยความคิดนี้ อมาเทราสี จึงส่งบุตรคนโตของเจ้าชายทั้งห้า นามว่า อเมโนะ โอชิโฮะมิมิ (AmenoOshihomimi) ภายหลังเชื่อกันว่าเป็นเทพเจ้าแห่งข้าวและเกษตรกรรม ลงมาเพื่อปกครองโลก แต่เมื่อ อเมโนะ โอชิโฮะมิมิ ลงมายืนอยู่ตรงแค่สะพานเชื่อมระหว่างสวรรค์กับโลกเท่านั้นก็เห็นความสับสนวุ่นวายบนโลกมนุษย์ จึงย้อนกลับไปแล้ว ปฏิเสธกับมารดาว่าจะไม่ขอไปจากสวรรค์นี้แต่อย่างใด
อเมโนะ โอชิโฮะมิมิ (AmenoOshihomimi) ภายหลังเชื่อกันว่าเป็นเทพเจ้าแห่งข้าวและเกษตรกรรม ลงมาเพื่อยึดครองโลก แต่เมื่อพบความวุ่นวายของโลก จึงตัดสินใจไม่ขอลงไปปกครองโลก
ลงไปปกครองโลกให้จงได้
อมาเทราสี จึงได้ส่งบุตรชายอีกคนนาม อเมโนะ โฮฮิ (Ameno Hohi) ลงมา แต่หลังจากลงนาน 3 ปีก็ไม่เคยส่งข่าวกลับไป เพราะปรากฏว่า อเมโนะ โฮฮิ นั้นได้กลายเป็นสหายกับ โอกูนินูซิ ซึ่งผ่านไป 8 ปี จนไม่คิดจะกลับไปสวรรค์อีกต่อมา อมาเทราสึ จึงส่งบุตรชายอีกคนหนึ่งนาม อเมโนะ วากาฮิโกะ (Ame no Wakahiko) ตามลงมา แต่ก็อีกเช่นเดิม อเมโนะ วากาฮิโกะ ได้กลายเป็นสหายกับ โอกูนินชิ ไปอีกคน และต่อมาได้สมรสกับบุตรสาวของ โอกูนินูซิ ชื่อชิตาเตรฮิเมะ (Shitateruhime)
เมื่อ อมาเทราสี ไม่ได้รับข่าวคราวอันใดอีกคราวนี้จึงส่งไก่ฟ้าตัวหนึ่งมาสืบข่าว แต่ไก่ฟ้าก็กลับถูก อเมโนะ วากาฮิโกะ ยิงศรเข้าใส่จนตาย โลหิตของไก่ฟ้ากระเซ็นขึ้นไปจนถึงสวรรค์ มิหนำซ้ำ ลูกธนูที่ยิงมาทะลุไก่ฟ้า และพุ่งตรงไปยังสรวงวรรค์และมาตกมาที่เท้าของอมาเทราสึ เทพีอมาเทราสึ จดจะลูกธนูได้ว่าเป็นของ อเมโนะ วากาฮิโกะ จึงโกรธมาก และสลัดโลหิตและลูกดอกธนู กลับลงมาใส่ อเมโนะ วากาฮิโกะ จนสิ้นชีพตามลงไปภายหลังที่ภารกิจลัมเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า จึงได้มีการจัดประชุมเหล่า เทพเทพีบนสวรค์เพื่อคัดเลือกผู้เหมาะสมลงมาจัดการภารกิจ ที่จะลงมาปกครองโลก ครั้งนี้ให้สำเร็จที่สุดในที่สุด ก็มีการเลือกเทพ 2 องค์ คือ
- ฟูสึนูชิ (Futsunushi) เทพแห่งศาสตราวุธ
- ทาเคมิคาสีชิ (Takemikazuchi) เทพแห่งสายฟ้า
ทำข้อตกลง ระหว่างโลกและสวรรค์
เทพ 2 องค์ จะลงมาปฏิบัติภารกิจต่อเทพทั้งสององค์นี้ต้องต่อสู้กับบุตรชายของ โอกูนินุชิสองคนคือ โคโตชิโระนูชิ (Kotoshironushi) กับ ทาเคมินากาตะ (Takeminakata) ซึ่งบุตรทั้งสองของ โอกูนินูซิ นั้นสู้ไม่ได้
ในที่สุด โอกูนินูซิ จึงยินยอมยกแผ่นดินโลกให้ แต่ก็มีข้อแม้ว่าเทพทั้งสอง จะต้องสร้างปราสาทหลังใหญ่ที่สูงจากโลกจนถึงสวรรค์และมีน้ำท่ากับธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ไม่ขาดแคลนเพื่อเป็นการทดแทน และ ยินยอมมอบอำนาจปกครองโลกแก่ทายาทของ อมาเทราสี เท่านั้น ต่อจากนั้นเทพทั้งสองจึงขึ้นไปรายงานเรื่องราวทั้งหมด อมาเทราสี จึงส่ง นินิจิ (Ninigi) ซึ่งเป็นบุตรของ อเมโนะ โอชิโฮะมิมิ และมีศักดิ์เป็นหลานของ อมาเทราสี ลงมาปกครองโลกต่อไป
Ninigi หลานของ เทพีอมาเทราสึ
มอบสิ่งของมงคล 3 สิ่ง แด่ผู้ไปปกครองโลก
นินิจิ (Ninigi) ได้รับมอบหมาย ให้ลงมาปกครองโลก ดังนั้นแล้ว อามาเทราซึ จึงมอบของวิเศษ 3 อย่างให้แก่ นินิจิ เหล่านันคือ ดาบดูชานางิ โนะ สึรูง(Kusanagi no Tsurug)กระจก ยาตะ โนะ คากามิ (Yata no Kagami) และอัญมณี ยาชาดานิ โนะ มากาตามะ (Yasakani no Magatama)และเครื่องรางวิเศษเหล่านั้น ภายหลังมีการบันทึกไว้ว่า มีการแยกจัดเก็บไว้ในสถานที่ สำคัญ 3 แห่ง ดังนี้
- พระแสงขรรค์ชัยศรีหรือดาบ พระแสงขรรค์ชัยศรีอยู่ที่ศาลเจ้าอัตสึตะ ที่เมืองนาโงยะ เมืองเอกของจังหวัดไอจิ
- พระฉาย หรือกระจกที่เรียกว่า “ยาตะ-โนะ-ทาคามิ” พระฉายอยู่ที่ศาลเจ้าอิเสะ ซึ่งเป็นศาลเจ้าขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ ตั้งอยู่ที่เมืองอิเสะ ในจังหวัดมิเอะ
- สายสร้อยพระสังวาลย์ประดับเนาวรัตน์ เรียกว่า “ยาสะคานิ-โนะ-มากาทามะ” อยู่ที่พระราชวังอิมพีเรียล ในกรุงโตเกียว
คุณลักษณ์สำคัญของเครื่องรางนี้
1. ดาบศักดิ์สิทธิ์คุซานางิ (Kusanagi no Tsurugi)
เชื่อกันว่ามีลักษณะคล้ายดาบดายหญ้า ถูกเก็บรักษาไว้ที่ศาลเจ้าอัตสึตะ ในเมืองนาโกย่า เมืองเอกของจังหวัดไอจิ จากบันทึกประวัติศาสตร์โคจิกิ (Kojiki) ที่บอกเล่าเกี่ยวกับตำนานของญี่ปุ่นระบุว่า เทพซูซาโนโอะ (Susanoo) เทพเจ้าแห่งท้องทะเลและลมพายุ พบดาบศักดิ์สิทธิ์องค์นี้ในหางของพญางู 8 หัว ก่อนที่จะมอบดาบองค์นี้ให้แก่เทพีอามาเทราสึ (Amaterasu) เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ผู้เป็นพี่สาว บางตำนานเล่าว่าดาบองค์นี้ได้สูญหายไปแล้ว โดยองค์ปัจจุบันอาจเป็นองค์จำลอง แต่ยังไม่มีการยืนยันเรื่องนี้แต่อย่างใด
ดาบคุซานางิถือเป็นดาบที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเล่มหนึ่งในโลก ดาบศักดิ์สิทธิ์เล่มนี้เป็นสัญลักษณ์แสดงถึง ‘ความกล้าหาญ’ (Bravery) ขององค์พระจักรพรรดิญี่ปุ่น
2. กระจกศักดิ์สิทธิ์ยาตะ (Yata no Kagami)
เชื่อกันว่าองค์กระจกทำจากสำริด อาจมีอายุมากกว่า 1,000 ปี ถูกเก็บรักษาไว้ที่ศาลเจ้าอิเสะ ศาสนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และสำคัญที่สุดในศาสนาชินโต ตั้งอยู่ที่เมืองอิเสะ ในจังหวัดมิเอะ สร้างขึ้นเพื่อถวายความเคารพแด่เทพีอามาเทราสึ เทพผู้ยิ่งใหญ่เหนือเทพอื่นทั้งมวล
ตามคติความเชื่อของชาวญี่ปุ่น กระจกมีพลังอำนาจศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อมโยงกับเทพเจ้า มีคุณสมบัติในการสะท้อนและเปิดเผยความจริง กระจกศักดิ์สิทธิ์ยาตะเป็นสัญลักษณ์แสดงถึง ‘ปัญญา’ (Wisdom) ขององค์พระจักรพรรดิ
3. อัญมณีศักดิ์สิทธิ์ยาซาคานิ (Yasakani no Magatama)
เชื่อกันว่าเป็นลูกปัดรูปทรงคล้ายครึ่งหนึ่งของหยินหยาง หรือเครื่องหมายจุลภาค ทำจากหยกสีเขียว ตามตำนานเล่าว่า ลูกปัดอัญมณีนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของสร้อยคอของเทพีอาเมะ (Ame-no-Uzume) เทพเจ้าแห่งความรื่นเริง ที่มีความฉลาด สามารถหลอกล่อให้เทพีอราทามาสึที่หลบซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ ออกมาจากถ้ำจนได้ จนมีผลให้โลกที่เคยมืดมิด กลับอยู่ในสภาพปกติ และถูกเก็บรักษาไว้ภายในพระราชวังอิมพีเรียล ในกรุงโตเกียว เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงคุณธรรมข้อสุดท้ายขององค์จักรพรรดิ นั่นคือ ‘ความเมตตากรุณา’ (Benevolence)
ความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้
เป็นอย่างไรบ้างกับความสลับซับซ้อนของเรื่องราวต่างๆของการกำเนิดญี่ปุ่น และเทพญี่ปุ่น จะเห็นว่า เรื่องต่างๆที่เกิดขึ้น จะมีความเกี่ยวเนื่องกับความคติความเชื่อ วัฒนธรรมต่างๆ รวมไปถึงเรื่องเครื่องรางญี่ปุ่นก็เช่นเดียวกัน ขนบธรรมเนียม ประเพณี ความเชื่อเหล่านี้ สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพชนจนถึงคนรุ่นปัจจุบัน ดังนั้นแล้ว บางอย่างเห็นว่าเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แต่ถ้าดูจริงๆแล้วรายละเอียดเยอะมาก
สำหรับท่านที่อ่านเรื่องเหล่านี้แล้วไม่ค่อยเข้าใจ โปรดกลับไปตั้งต้นอ่าน ตั้งแต่ภาค 1 แล้วเรียงตามลำดับ จะเข้าใจถึงความเป็นไปความเป็นมาได้อย่างเป็นลำดับ โดยเราจะทำลิ้งค์ไว้ให้ด้านล่างนี้
- กำเนิดญี่ปุ่น เทพญี่ปุ่น ภาค 1
- กำเนิดญี่ปุ่น เทพญี่ปุ่น ภาค 2
- กำเนิดญี่ปุ่น เทพญี่ปุ่น ภาค 3
- กำเนิดญี่ปุ่น เทพญี่ปุ่น ภาค 4
- กำเนิดญี่ปุ่น เทพญี่ปุ่น ภาค 5
- กำเนิดญี่ปุ่น เทพญี่ปุ่น ภาค 6
ขอบคุณสำหรับการติดตามเรา
ขอบคุณสำหรับการติดตาม เราเป็นเว็บไซด์เล็กๆ ที่ไม่มีงบสำหรับโฆษณามากนัก เราที่ตั้งใจทำงานเพื่อบอกกล่าวถึงเรื่องราว วัฒนธรรมญี่ปุ่น และประเพณี ที่ถูกต้อง เราต้องอ่านหนังสืออย่างน้อย 25 แผ่น เพื่อจะเขียนเรื่องราว ที่ถูกต้อง 1 หน้าเล็กๆนี้ หากผู้อ่านเห็นว่า เป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมของญี่ปุ่นแล้ว สามารถแชร์บทความใน Facebook ลิ้งกลับและให้เครดิตมายัง Siamkane.com เราด้วยวิธีที่ถูกต้องด้วยครับ
นอกจากนี้ เรายังได้จัดจำหน่ายสินค้า แมวกวัก เครื่องรางญี่ปุ่น และกิ๊ฟช็อปญี่ปุ่นอื่นๆ เล็กน้อยๆ ถึงแม้เราจะไม่ได้ถูกที่สุดในตลาด แต่เราตั้งใจอยากให้เกิดเว็บไซด์คุณภาพเกิดขึ้นในไทยบ้าง หากคิดว่าเคมีของพวกเราตรงกันแวะพูดคุยทักทายกันได้ รวมถึงอุดหนุนสินค้า หรือ ซื้อกาแฟเล็กๆน้อยๆ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับพวกเราได้ผลิตผลงานที่มีคุณภาพ เพื่อลูกค้าต่อไปครับ