ไตรราชกกุธภัณฑ์ ของศักดิ์สิทธิ์ 3 อย่างแห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น

เครื่องรางญี่ปุ่น พระมหาจักรพรรดิ์

   ย้อนกลับไปเมื่อปี 2532 เมื่อครั้งทรงสืบทอดราชสมบัติต่อจากสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโต พระราชบิดาซึ่งเสด็จสวรรคต สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตทรงได้รับการทูลเกล้าฯถวาย“เครื่องราชกกุธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ 3 ชิ้น” และในวันที่ 1 พ.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นวันเริ่มรัชสมัยใหม่คือ “เรวะ” ซึ่งหมายถึงความสงบสุข ความเป็นระเบียบ ความสามัคคีและความปรองดองอันดีงาม สมเด็จพระจักรพรรดิพระองค์ใหม่จะทรงได้รับการทูลเกล้าฯถวายสิ่งเครื่องราชกกุธภัณฑ์ทั้ง 3 ชิ้นเช่นกัน ราชสมบัติทั้งสามชิ้นถือว่ามีความสำคัญมากต่อพระราชหฤทัยของสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโต ซึ่งโดยส่วนพระองค์ทรงเชื่อว่าความศักดิ์สิทธิ์ของเครื่องราชกกุธภัณฑ์คุ้มครองราชวงศ์และแผ่นดินญี่ปุ่นให้คงอยู่ แม้เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ตาม และเครื่องรางทั้งสามเป็นเครื่องหมายของคุณธรรมหลักสามประการ ได้แก่ ความกล้าหาญ (พระแสงดาบ), ปัญญา (กระจก) และความเมตตากรุณา 

   สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 3 องค์ หรือ ‘ไตรราชกกุธภัณฑ์’ ได้ตกเป็นของเทพีอามาเทราสึ เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ และถูกส่งต่อมายังนินิงิ (Ninigi) เป็นหลานของพระองค์และเป็นทวดของสมเด็จพระจักรพรรดิจิมมุ (Emperor Jimmu) จักรพรรดิพระองค์แรกของญี่ปุ่น ที่เชื่อกันว่าขึ้นครองราชย์ในปี 660 ก่อนคริสตกาล

   ตั้งแต่ปี ค.ศ. 690 เป็นต้นมา การถวายไตรราชกกุธภัณฑ์แก่จักรพรรดิโดยนักบวชที่ศาลเจ้าถือเป็นขั้นตอนหลักของพระราชพิธีเถลิงถวัลยราชสมบัติ พระราชพิธีนี้มิได้เปิดเผยต่อสาธารณชน และตามธรรมเนียมแล้ว จะมีการเปิดเผยราชกกุธภัณฑ์ทั้งสามเฉพาะพระพักตร์องค์จักรพรรดิ โดยนักบวชชั้นสูงที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีภาพถ่ายหรือภาพวาดรูปร่างที่แท้จริงของไตรราชกกุธภัณฑ์

   ไตรราชกกุธภัณฑ์ทั้ง 3 จะถูกถวายให้แด่เจ้าชายนารุฮิโตะ มกุฎราชกุมาร ที่จะเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระจักรพรรดิพระองค์ที่ 126 ของแผ่นดินญี่ปุ่นและเริ่มต้นรัชสมัยเรวะ (Reiwa) อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ โดยจะมีพระราชพิธีเฉลิมฉลองการขึ้นครองราชย์ในช่วงเดือนตุลาคม 2019

การเก็บรักษาเครื่องราชกกุธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์

การเก็บรักษาไว้ยังสถานที่ 3 แห่งประกอบด้วย 

  1. พระแสงขรรค์ชัยศรีหรือดาบ  พระแสงขรรค์ชัยศรีอยู่ที่ศาลเจ้าอัตสึตะ ที่เมืองนาโงยะ เมืองเอกของจังหวัดไอจิ
  2. พระฉาย หรือกระจกที่เรียกว่า “ยาตะ-โนะ-ทาคามิ” พระฉายอยู่ที่ศาลเจ้าอิเสะ ซึ่งเป็นศาลเจ้าขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ ตั้งอยู่ที่เมืองอิเสะ ในจังหวัดมิเอะ 
  3. สายสร้อยพระสังวาลย์ประดับเนาวรัตน์ เรียกว่า “ยาสะคานิ-โนะ-มากาทามะ”  อยู่ที่พระราชวังอิมพีเรียล ในกรุงโตเกียว

 

king]s omamori

แม้เครื่องเครื่องราชกกุธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 3 ชิ้น ได้รับการเก็บรักษาไว้ยังสถานที่คนละแห่งในประเทศ แต่ราชสมบัติทุกชิ้นได้รับการรักษาและบรรจุไว้ในกล่องผ้าปักลายดอกเบญจมาศ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำราชวงศ์ และไม่เคยมีพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์ใดเคยได้ทอดพระเนตรราชสมบัติทั้งสามชิ้นนี้ แม้แต่สมเด็จพระจักรพรรดิตั้งแต่พระองค์แรกจนถึงพระองค์ปัจจุบัน ตลอดจนมหาดเล็กและข้าราชบริพารเช่นกัน เนื่องจากถือเป็น “สิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีความสูงค่ายิ่ง” ตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่น เคยมีเรื่องเล่าขานว่า สมเด็จพระจักรพรรดิพระองค์หนึ่งทรงเคยเปิดหนึ่งในกล่องบรรจุเครื่องราชกกุธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์แล้วมีกลุ่มควันพวยพุ่งออกมา พระองค์ทรงรับสั่งให้มหาดเล็กปิดกล่องใบนั้นทันที

kusanagi

1. ดาบศักดิ์สิทธิ์คุซานางิ (Kusanagi no Tsurugi)

เชื่อกันว่ามีลักษณะคล้ายดาบดายหญ้า ถูกเก็บรักษาไว้ที่ศาลเจ้าอัตสึตะ ในเมืองนาโกย่า เมืองเอกของจังหวัดไอจิ จากบันทึกประวัติศาสตร์โคจิกิ (Kojiki) ที่บอกเล่าเกี่ยวกับตำนานของญี่ปุ่นระบุว่า เทพซูซาโนโอะ (Susanoo) เทพเจ้าแห่งท้องทะเลและลมพายุ พบดาบศักดิ์สิทธิ์องค์นี้ในหางของพญางู 8 หัว ก่อนที่จะมอบดาบองค์นี้ให้แก่เทพีอามาเทราสึ (Amaterasu) เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ผู้เป็นพี่สาว บางตำนานเล่าว่าดาบองค์นี้ได้สูญหายไปแล้ว โดยองค์ปัจจุบันอาจเป็นองค์จำลอง แต่ยังไม่มีการยืนยันเรื่องนี้แต่อย่างใด

   ดาบคุซานางิถือเป็นดาบที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเล่มหนึ่งในโลก ดาบศักดิ์สิทธิ์เล่มนี้เป็นสัญลักษณ์แสดงถึง ‘ความกล้าหาญ’ (Bravery) ขององค์พระจักรพรรดิญี่ปุ่น

mirror sacred

2. กระจกศักดิ์สิทธิ์ยาตะ (Yata no Kagami)

   เชื่อกันว่าองค์กระจกทำจากสำริด อาจมีอายุมากกว่า 1,000 ปี ถูกเก็บรักษาไว้ที่ศาลเจ้าอิเสะ ศาสนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และสำคัญที่สุดในศาสนาชินโต ตั้งอยู่ที่เมืองอิเสะ ในจังหวัดมิเอะ สร้างขึ้นเพื่อถวายความเคารพแด่เทพีอามาเทราสึ เทพผู้ยิ่งใหญ่เหนือเทพอื่นทั้งมวล

   ตามคติความเชื่อของชาวญี่ปุ่น กระจกมีพลังอำนาจศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อมโยงกับเทพเจ้า มีคุณสมบัติในการสะท้อนและเปิดเผยความจริง กระจกศักดิ์สิทธิ์ยาตะเป็นสัญลักษณ์แสดงถึง ‘ปัญญา’ (Wisdom) ขององค์พระจักรพรรดิ

3. อัญมณีศักดิ์สิทธิ์ยาซาคานิ (Yasakani no Magatama)

   เชื่อกันว่าเป็นลูกปัดรูปทรงคล้ายครึ่งหนึ่งของหยินหยาง หรือเครื่องหมายจุลภาค ทำจากหยกสีเขียว ตามตำนานเล่าว่า ลูกปัดอัญมณีนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของสร้อยคอของเทพีอาเมะ (Ame-no-Uzume) เทพเจ้าแห่งความรื่นเริง ถูกเก็บรักษาไว้ภายในพระราชวังอิมพีเรียล ในกรุงโตเกียว เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงคุณธรรมข้อสุดท้ายขององค์จักรพรรดิ นั่นคือ ‘ความเมตตากรุณา’ (Benevolence)

   อนึ่ง สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโต ปัจจุบันทรงเจริญพระชนมพรรษา 85 พรรษา จะทรงเป็นสมเด็จพระจักรพรรดิพระองค์แรกของญี่ปุ่นในรอบ 2 ศตวรรษที่ทรงสละราชสมบัติ ต่อจากสมเด็จพระจักรพรรดิโคกะกุ เมื่อปี 2360 ในวันที่ 30 เม.ย. นี้ ถือเป็นการสิ้นสุดรัชสมัย “เฮเซ” ที่หมายถึง “การบรรลุสู่สันติภาพ” อันยาวนาน 31 ปี และเจ้าชายนารุฮิโตะ มกุฎราชกุมาร ปัจจุบันทรงเจริญพระชนมายุ 59 พรรษา จะเสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติเป็นสมเด็จพระจักรพรรดิพระองค์ต่อไปในวันรุ่งขึ้น คือวันที่ 1 พ.ค. ซึ่งจะเป็นวันเริ่มต้นของรัชศกเรวะปีแรกอย่างเป็นทางการ ส่วนพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแก่สมเด็จพระจักรพรรดิพระองค์ใหม่ จะมีขึ้นในวันที่ 22 ต.ค. ปีเดียวกัน.