Egoez9pzKV

ใบที่ 14 ของนำโชค 

ดารุมะ (Daruma)

ดารุมะ (Daruma) เป็นตุ๊กตาญี่ปุ่นที่มีลักษณะเด่นเป็นรูปทรงกลมไร้แขนขา และมักทาสีแดง มีต้นกำเนิดมาจากพระภิกษุที่ชื่อว่า โบะดะฮิดะระมะ (Bodhidharma) ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งนิกายเซน ตุ๊กตาดารุมะเป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นและความสำเร็จ โดยคนญี่ปุ่นนิยมวาดตาดวงหนึ่งในตอนที่ตั้งเป้าหมายไว้ แล้วเมื่อเป้าหมายสำเร็จจึงวาดตาอีกข้างหนึ่ง

ในเชิงความเชื่อ ดารุมะถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่น ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค เปรียบเสมือนกับสุภาษิตที่ว่า “ล้มเจ็ดครั้ง ลุกแปดครั้ง” (七転び八起き)

ซากุระ (桜, Sakura)

ซากุระ (桜, Sakura) หรือดอกเชอร์รี่ เป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในวัฒนธรรมญี่ปุ่น ซากุระเป็นสัญลักษณ์ของ ความสวยงามชั่วคราว การเปลี่ยนแปลง และการเริ่มต้นใหม่ ดอกซากุระจะบานในช่วงเวลาสั้น ๆ ในฤดูใบไม้ผลิ และร่วงโรยอย่างรวดเร็ว ซึ่งสื่อถึงความไม่ถาวรของชีวิตและความงามที่ชั่วคราว

ในเชิงวัฒนธรรม ซากุระมีความเกี่ยวข้องกับประเพณีฮานามิ (花見) หรือการชมดอกไม้ ซึ่งเป็นเทศกาลที่ชาวญี่ปุ่นมารวมตัวกันเพื่อชมความงามของดอกซากุระที่บานสะพรั่ง และถือเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นใหม่ เนื่องจากการบานของซากุระตรงกับช่วงเริ่มต้นปีการศึกษาและปีงบประมาณใหม่ในญี่ปุ่น

นอกจากนั้น ซากุระยังมีความหมายในเชิงปรัชญาว่า แม้ชีวิตจะสั้นและไม่ถาวร แต่ช่วงเวลาที่งดงามควรค่าแก่การยกย่องและจดจำ

ในด้านความเชื่อ ดอกซากุระมักถูกใช้เป็นเครื่องหมายของความเจริญรุ่งเรืองและโชคดี และเป็นสัญลักษณ์ของการมีชีวิตที่สวยงามและเต็มไปด้วยความสุข

เทพ 7 เซียนญี่ปุ่น

เจ็ดเซียนญี่ปุ่น หรือที่รู้จักกันว่า เทพเจ้าแห่งโชคลาภเจ็ดองค์ (七福神, Shichifukujin) เป็นกลุ่มเทพเจ้าที่ชาวญี่ปุ่นกราบไหว้เพื่อขอความโชคดี ความมั่งคั่ง และความสุขในชีวิต เทพเจ้าแต่ละองค์มีคุณสมบัติและความเชื่อที่แตกต่างกันไป ซึ่งได้รับอิทธิพลจากศาสนาพุทธ ศาสนาชินโต และลัทธิเต๋า นอกจากนี้ บางองค์ยังมาจากวัฒนธรรมจีนและอินเดีย นี่คือเจ็ดเซียนญี่ปุ่นหรือเจ็ดเทพเจ้าแห่งโชคลาภ:

  1. เอะบิซุ (Ebisu, 恵比須) – เทพเจ้าแห่งความเจริญรุ่งเรืองในการประมง การค้าขาย และเกษตรกรรม เป็นเทพเจ้าเพียงองค์เดียวในเจ็ดเทพที่มีต้นกำเนิดจากญี่ปุ่นแท้ ๆ มักถูกวาดภาพในมือถือปลาและเบ็ดตกปลา
  2. ไดโกกุ (Daikokuten, 大黒天) – เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง ความเจริญรุ่งเรือง และการเก็บเกี่ยว มักจะถูกวาดภาพนั่งอยู่บนกระสอบข้าวและถือค้อนทอง
  3. บิชามอนเท็น (Bishamonten, 毘沙門天) – เทพเจ้าแห่งสงครามและการคุ้มครอง ช่วยปกป้องผู้คนจากสิ่งชั่วร้าย และยังเป็นเทพแห่งความมั่งคั่งและความยุติธรรม
  4. เบ็นไซเท็น (Benzaiten, 弁才天) – เทพีแห่งดนตรี ศิลปะ ความรู้ และความงาม มาจากความเชื่อในศาสนาฮินดูของอินเดีย และมักถูกวาดภาพขณะเล่นพิณ
  5. ฟุคุโระคุจู (Fukurokuju, 福禄寿) – เซียนแห่งความยืนยาว ปัญญา และโชคลาภ มีหัวที่ยาวผิดปกติและเป็นสัญลักษณ์ของอายุยืนยาวและสุขภาพดี
  6. จูโรจิน (Jurojin, 寿老人) – เซียนอีกองค์หนึ่งที่เป็นเทพแห่งความยืนยาวและสุขภาพดี มักจะถือไม้เท้าและม้วนกระดาษซึ่งบันทึกอายุขัยของมนุษย์
  7. โฮเต (Hotei, 布袋) – เทพเจ้าแห่งความสุขและความสนุกสนาน มักถูกวาดภาพเป็นชายอ้วนท้วมมีถุงใหญ่ และเชื่อว่าเป็นการจำลองมาจากพระพุทธเจ้าองค์หัวเราะ (Laughing Buddha) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์และความสุข

เทพเจ้าแห่งโชคลาภเจ็ดองค์นี้เป็นที่นิยมในการกราบไหว้ในช่วงปีใหม่ของญี่ปุ่น โดยเชื่อว่าการขอพรจากเทพเจ้าเหล่านี้จะนำความโชคดี ความสุข และความมั่งคั่งมาสู่ชีวิตในปีใหม่

เหรียญ 5 เยนใหม่

เหรียญห้าเยน (5 เยน) ของญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในเหรียญที่มีความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่สำคัญ เนื่องจากคำว่า “เยน” (円) ในภาษาญี่ปุ่นพ้องเสียงกับคำว่า “ความสัมพันธ์” หรือ “โชคดี” (縁) ดังนั้น เหรียญห้าเยนจึงถือว่าเป็นเหรียญที่นำพาโชคลาภและความสัมพันธ์ที่ดีเข้ามา

สาเหตุที่นิยมใช้เหรียญใหม่มาเป็นเครื่องรางเกิดจากความเชื่อว่า สิ่งใหม่ ๆ จะนำมาซึ่งความสดใสและความเจริญรุ่งเรือง เหรียญ 5 เยนใหม่จึงถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นใหม่และการดึงดูดสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต เหรียญที่มีรูตรงกลางยังสื่อถึงการมองทะลุไปสู่อนาคตและความสำเร็จในการข้ามผ่านอุปสรรคต่าง ๆ

โดยทั่วไปแล้ว เหรียญ 5 เยนเก่าที่ใช้แล้ว มักถูกใช้ในศาลเจ้าเมื่อผู้คนทำการขอพร โดยการโยนเหรียญลงในกล่องบริจาคเพื่อขอให้มีความสัมพันธ์ที่ดีทั้งในด้านชีวิตส่วนตัว การเงิน และสุขภาพ

นอกจากนี้ เหรียญห้าเยนใหม่มีรูตรงกลางและมีลวดลายสัญลักษณ์ที่สื่อถึงความเจริญก้าวหน้าและความมั่นคง โดยมีรูปภาพข้าว, น้ำ และเกียร์ ซึ่งสื่อถึงอุตสาหกรรมการเกษตร การประมง และอุตสาหกรรมการผลิตของญี่ปุ่น เหรียญห้าเยนมักใช้เป็นของนำโชค โดยเชื่อกันว่าถ้ามอบให้กันจะเสริมสร้างความสัมพันธ์และนำความโชคดีมา

แมวกวัก

แมวกวัก (招き猫, Maneki Neko) เป็นเครื่องรางของญี่ปุ่นที่มีความหมายเชิงสัญลักษณ์ในการ นำโชคลาภ ความมั่งคั่ง และความเจริญรุ่งเรือง ค้าขาย เรียกลูกค้า เงินทอง  มาสู่เจ้าของ เป็นที่นิยมในร้านค้าและบ้านเรือน โดยแมวมักจะถูกวางไว้หน้าร้านเพื่อดึงดูดลูกค้าและโชคดี

ลักษณะของแมวกวักคือตัวแมวที่ยกขาหน้าขึ้นมาในท่ากวัก โดยแต่ละข้างมีความหมายต่างกัน:

  • ขาซ้ายที่ยกขึ้น: เชื่อกันว่านำโชคด้านการเรียกลูกค้าเข้าร้านหรือบ้าน
  • ขาขวาที่ยกขึ้น: นำความมั่งคั่งและโชคลาภทางการเงินมาให้
  • ขาทั้งสองข้างที่ยกขึ้น: สื่อถึงการปกป้องและนำพาความสุขความมั่งคั่งมาให้พร้อมกัน

เพิ่มเติม…

โอนิ (鬼, Oni)

โอนิ (鬼, Oni) ในวัฒนธรรมญี่ปุ่นมักเป็นที่รู้จักในฐานะ ปีศาจ หรือ ยักษ์ ที่มีลักษณะน่ากลัวและมักปรากฏในตำนานหรือนิทานพื้นบ้าน ในแง่ของภาพลักษณ์ทั่วไป โอนิมักเป็นตัวแทนของความชั่วร้ายหรือภัยอันตราย อย่างไรก็ตาม โอนิในบางบริบทก็มีความหมายเชิงบวกและเป็นที่เคารพนับถือ เนื่องจากโอนิยังมีบทบาทในฐานะ ผู้ปกป้อง และมีความหมายที่ดีในด้านโชคลางเช่นกัน

ความหมายที่ดีและความเชื่อด้านโชคลางของโอนิ ได้แก่:

1. ผู้ปกป้องจากสิ่งชั่วร้าย

ในบางภูมิภาคของญี่ปุ่น โอนิไม่ได้ถูกมองว่าเป็นตัวร้ายเพียงอย่างเดียว แต่เป็น ผู้ปกป้อง หรือ พิทักษ์ สถานที่ต่าง ๆ เช่น บ้าน วัด หรือศาลเจ้า เชื่อว่าโอนิสามารถขับไล่สิ่งชั่วร้ายหรือวิญญาณร้ายออกไปได้ การมีรูปปั้นหรือภาพวาดของโอนิไว้ในบ้านหรือสถานที่สำคัญ ๆ จะช่วยป้องกันภัยและคุ้มครองผู้คนจากอันตราย

2. สัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งและความกล้าหาญ

โอนิมักถูกมองว่าเป็นตัวแทนของ ความแข็งแกร่งและพละกำลัง เนื่องจากโอนิมีลักษณะของยักษ์ที่ทรงพลัง จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความสามารถในการเอาชนะอุปสรรคหรือความท้าทายต่าง ๆ บางคนเชื่อว่าการมีรูปปั้นโอนิในบ้านจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งและความกล้าหาญให้แก่ผู้ที่อยู่อาศัย

3. ขับไล่ความโชคร้ายในเทศกาลเซ็ตสึบุน (Setsubun)

ในเทศกาลเซ็ตสึบุน ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ของทุกปี ผู้คนจะทำพิธี โยนถั่วเพื่อขับไล่โอนิ ซึ่งในพิธีนี้ โอนิมักเป็นตัวแทนของโชคร้ายหรือความชั่วร้ายที่ถูกขับไล่ออกไปจากบ้าน ในขณะเดียวกัน ก็เชื่อว่าเมื่อขับไล่โอนิออกไป จะมี โชคดี และ ความสงบสุข เข้ามาแทนที่ จึงกลายเป็นความเชื่อโชคลางที่เชื่อมโยงโอนิกับการปัดเป่าสิ่งไม่ดีและเรียกความโชคดีเข้ามา

4. โอนิในฐานะผู้พิทักษ์

แม้ว่าโอนิจะมีภาพลักษณ์น่ากลัว แต่ในบางบริบททางศาสนาและประเพณี โอนิถูกมองว่าเป็น ผู้พิทักษ์ โดยเฉพาะในวัดหรือศาลเจ้าที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้คนจากภัยอันตราย รูปปั้นโอนิที่ตั้งอยู่ในวัดบางแห่งเชื่อว่าจะช่วยขจัดปัดเป่าความโชคร้ายและคุ้มครองจากสิ่งไม่ดี

5. การขอพรจากโอนิ

ในบางพื้นที่ของญี่ปุ่น มีความเชื่อว่าโอนิสามารถ ช่วยให้คำอธิษฐานเป็นจริง ได้ โดยเฉพาะเมื่อผู้คนแสดงความเคารพและอ่อนน้อม โอนิจะตอบแทนด้วยการนำพาความโชคดีและความสำเร็จมาให้

6. สัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงและการเริ่มต้นใหม่

โอนิยังมีบทบาทในฐานะตัวแทนของการทำลายล้างสิ่งเก่าและเปิดทางให้กับการเริ่มต้นใหม่ โดยเฉพาะในช่วงการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล เทศกาลเซ็ตสึบุนที่เกี่ยวข้องกับโอนิก็เป็นการแสดงถึงการขับไล่พลังลบและการนำพาความโชคดีมาในฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะมาถึง

This entry was posted in ไม่มีหมวดหมู่. Bookmark the permalink.