Kinkakuji วัดคินคะคุจิ
หนึ่งในวัดดังของโตเกียวที่ไม่ว่าใครต้องมายลโฉมความงดงามของปราสาททองเหลืองอร่ามเป็นขวัญตาสักครั้งวัดปราสาททองแห่งนี้มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “วัดโระคุอนจิ” (Rokuonji)เดิมเคยเป็นบ้านพักตากอากาศของรัฐบุรุษนาม ไซออนจิ คิทซึเนะ (Sionji kitsune)บ้านพักตากอากาศนี้เดิมเรียกกว่า “คิตะยะมะได” (Kiayama-dai)จนกระทั่งปี 1397 โชกุนอาชิคางะ โยชิมิซึ ได้ซื้อสถานที่แห่งนี้ต่อจาก ไซออนจิ และเปลี่ยนเป็นที่พำนักของโชกุนโดยตั้งชื่อว่า “คิตะยะมะโดโนะ” ต่อมาในปี ค.ศ.1419 บุตรชายของโชกุนอาชิคางะได้เปลี่ยนแปลงให้เป็นวัดนิกายเซน สายรินไซ ก่อนอื่นมาจ่ายค่าเข้ากันก่อนนะคะ ค่าเข้า 400 เยน จัดไป
ตัวศาลาเป็นอาคาร 3 ชั้น แต่ละชั้นมีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกันไป โดยชั้นล่างจะเป็นโครงสร้างไม้ปิดด้วยผนังสีขาวเรียบเรียกกว่าสถาปัตยกรรมแบบ ชินเด็น Shinden-tsukuri แบบเดียวกับที่ใช้สร้างพระราชวังในสมัยเฮอัน เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปและรูปปั้นของโชกุนโยชิมิซึเดิมใช้เป็นที่รับรองแขกของโชกุน ชั้นที่สอง เป็นสถาปัตยกรรมแบบบุกเก Buke-tsukuri สร้างตามแบบฉบับของบ้านซามูไร ส่วนชั้นบนสุดของศาลา เป็นทรงแบบวัดเซ็น Kukkyo-cho ใช้เป็นที่จัดพิธีชงชาและพบปะกับบรรดาสหายของท่านโชกุนชั้นสองและสามนั้นปิดด้วยแผ่นทองคำสีทองเหลืองอร่าม ยอดบนหลังคามีรูปปั้นนกฟินิกซ์สีทองประดับอยู่ ปราสาททองตั้งโดดเด่นเป็นสง่าฮยู่กลางสระน้ำขนาดใหญ่ทีมีการตกแต่งทัศนียภาพตามแบบฉบับของสวนเซ็น
เดินเลยจากตัวปราสาททองเข้าไปด้านในจะเป็นซุ้มสำหรับจำหน่าย โอมาโมริ หรือเครื่องรางใครสนใจก็ซื้อกลับไปเป็นที่ระลึกกัน
ได้ถัดจากซุ้มเครื่องรางจะเป็นน้ำตกเล็กๆที่ท่านโชกุนเคยใช้ในพิธีชงชา พอเดินขึ้นเนินไปจะเป็นร้านน้ำชาเล็กๆท่ามกลางต้นสน
ก่อนถึงทางออกจะมีวิหารไม้หลังเล็ก ด้านในเป็นที่ประดิษฐานรูปแกะสลักเทพฟุโดเมียวโอซึ่งเชื่อกันว่าสร้างขึ้นโดยพระโคโบ ไดชิ สามารถกราบไหว้และเขียนคำอธิฐานลงบนแผ่นไม้ เอมะ แล้วผูกเอาไว้เพื่อขอพรได้
*จุดเด่นของวัดนี้คงจะหนีไม่พ้นอาคารสีทองสามชั้นซึ่งตั้งอยู่กลางสระน้ำขนาดใหญ่บ้างก็เรียกว่า ปราสาททองพลับพลาทอง หรือศาลาทองซึ่งไม่ว่าใครจะเรียกอะไรก็แล้วแต่ตัวปราสาททองนี้ยังคงสวยงามสมคำล่ำลือแม้ในอดีตตัวศาลาแห่งนี้จะเคยถูกลอบวางเพลิง เมื่อปี พ.ศ.2493 โดยพระภิกษุที่บวชอยู่ในวัดนี้พระรูปนี้เข้ามาบวชในวัดนี้เพราะหลงใหลในความวิจิตรสวยงามของวิหารและคิดว่าการที่จะเข้าถึงแก่นแท้ของความงามให้ได้นั้น จะต้องเผาทำลายวัตถุแห่งความงามนั้นไปด้วย ด้วยเหตุนี้จึงได้สร้างศาลาขึ้นมาใหม่ เมื่อปี พ.ศ.2498
ก่อนออกจากวัด ก็จะมีร้านขายของที่ระลึก และขนม นม เนย เพียบ มีให้ชิมด้วย สังเกตจะมีคนรุมล้อมชิมเพียบ กว่าจะตัดสินใจซื้อก็เกือบอิ่มเลย หุหุ ขนมสุดฮิตก็จะเป็นขนมขึ้นชื่อของเกียวโต เป็นแป้งแผ่นบางๆ ข้างในไส้ถั่วแดง รสหวานกำลังพอดี ฮอตฮิตก็ต้องรสชาเขียว ชิมไปชิมมา..ชักเกรงใจ ซื้อกลับมากินต่ออีกสักกล่องนึง…จัดไป
การเดินทางไป วัดคินคะคุจิ
รถบัสสาย 12,59 ลงที่ป้าย Kinkakuji-mae สาย 101,102,204,205 ลงที่ป้าย Kinkakuji-michi เดินต่ออีก 5 นาที เวลาเปิด ทุกวัน 09.00-17.00 น. ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 400 เยน เด็ก 300 เยน